ท่ามกลางความเงียบสงบของแม่น้ำบรูไนในพื้นที่โกตาบาตู พิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดาลุสซาลาม เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางผ่านกาลเวลา และเป็นจุดที่ธรรมชาติและประวัติศาสตร์บรรจบอย่างงดงาม ด้วยสถานที่ตั้งที่ใกล้กับบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงของบรูไน และมีป่าชายเลนเขียวชอุ่มและสายน้ำที่ไหลเอื่อย พิพิธภัณฑ์เล่าขานเรื่องราวของการเดินเรือในอดีต ที่เกี่ยวข้องกับการค้า การทูต และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ย้อนรอยมรดกทางทะเลสู่พิพิธภัณฑ์แห่งบรูไน
ต้นกำเนิดของพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดารุสซาลาม เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับการค้นพบซากเรืออับปางอายุ 500 ปี เมื่อ ค.ศ. 1997 เหตุการณ์สำคัญนี้เผยบทบาทสำคัญของสุลต่านในประวัติศาสตร์ทางทะเล ซากเรือถูกพบลึกลงไป 62 เมตรในเขตแหล่งน้ำมันของบริษัท Elf Petroleum Asia B.V. และค้นพบสมบัติล้ำค่ากว่า 10,000 ชิ้น โบราณวัตถุเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเซรามิก เครื่องแก้ว ลูกปัด และเครื่องมือเหล็ก ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของบรูไนในฐานะศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในสมัยราชวงศ์หมิง สินค้าที่บรรทุกมาในเรือลำนี้ ซึ่งมุ่งหน้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่ 15 และ 16 ยิ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสุลต่านในเครือข่ายการค้าภูมิภาค การค้นพบนี้ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ โดยแสดงให้เห็นถึงมรดกทางทะเลของบรูไนและความเชื่อมโยงกับโลกที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
ภาพ 1 สถาปัตยกรรมสมัยใหม่และโดดเด่นของพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดารุสซาลาม สะท้อนถึงมรดกทางทะเลอันรุ่มรวยของประเทศ เชิญชวนผู้เยี่ยมชมสำรวจสมบัติทางประวัติศาสตร์ (Photo Source: Instagram)
โบราณวัตถุที่กู้คืนจากซากเรืออับปางได้สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของบรูไนในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ สิ่งของที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ เครื่องเคลือบลายครามสีน้ำเงิน-ขาวจำนวน 4,870 ชิ้นจากมณฑลเจียงซี เครื่องปั้นดินเผาสีขาว 190 ชิ้นจากมณฑลฝูเจี้ยน และเครื่องศิลาดลจากมณฑลกวางตุ้ง นอกจากนี้ยังมีเครื่องปั้นดินเผาจากไทยที่มาจากศรีสัชนาลัย และเครื่องปั้นดินเผาจากเวียดนามที่สะท้อนถึงความหลากหลายของสินค้าที่ลำเลียงมายังบรูไนและขายต่อไปยังภูมิภาค โบราณวัตถุเหล่านี้ไม่เพียงแสดงถึงเส้นทางการค้าที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ แต่ยังสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองระหว่างบรูไนกับพันธมิตรในภูมิภาค
การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของการบันทึกถึงความพยายามในการสำรวจทางโบราณคดีก่อนหน้า เมื่อ ค.ศ. 1974 เศษเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ซ่งถูกค้นพบที่ตันจงบาตู และนำไปสู่ภารกิจ ค.ศ. 1975 เพื่อกู้คืนวัตถุเพิ่มเติม เศษชิ้นส่วนเหล่านี้ รวมถึงสมบัติจากซากเรืออับปาง สะท้อนความสำคัญของบรูไนในเครือข่ายการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงไม่ได้จัดตั้งขึ้นเพียงเพื่อเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับสำรวจและสร้างความเข้าใจในมรดกทางทะเลของบรูไน พิพิธภัณฑ์จึงย้ำถึงความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์ของสุลต่านและมรดกการค้าทาทะเลและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในภูมิภาค
พิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดารุสซาลาม ประกอบด้วยส่วนจัดแสดง 3 ห้อง นิทรรศการ 2 ห้องแรกเป็นนิทรรศการถาวร ขณะที่อีกห้องหนึ่งใช้สำหรับนิทรรศการหมุนเวียน หัวใจสำคัญของพิพิธภัณฑ์คือ ห้องจัดแสดง ซากเรืออับปางของบรูไน ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจำนวน 13,500 ชิ้น จากการขุดค้นเมื่อ ค.ศ. 1997 โบราณวัตถุเหล่านี้ รวมถึงเครื่องปั้นดินเผาจากต่างประเทศที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 15 และ 16 แสดงถึงบทบาทของบรูไนในฐานะศูนย์กลางการค้าทางทะเลระดับภูมิภาค อีกห้องจัดแสดง โกตาบาตูในฐานะศูนย์กลางการค้า ที่ถ่ายทอดความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโกตาบาตูในฐานะศูนย์กลางการค้าและกิจกรรมของผู้คนในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึง 17 เนื้อหานำเสนอแบบจำลองเรือต่างชาติที่เคยมาเยือนบรูไนเพื่อการค้า รวมถึงวัตถุทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นที่สะท้อนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม นอกจากนี้ ในห้องนิทรรศการหมุนเวียน มีการจัดแสดงนิทรรศการในวาระต่าง ๆ เช่น นิทรรศการ เส้นทางสายไหมทางทะเล ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกโดยความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวีฉวนโจว นิทรรศการนี้สำรวจความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างบรูไนกับจีนในยุครุ่งเรืองของเส้นทางสายไหมทางทะเล
ภาพ 2 ย้อนอดีตสู่ประวัติศาสตร์ในแกลเลอรีโกตาบาตูของพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไน จัดแสดงแบบจำลองเรือและวัตถุการค้าที่สะท้อนบทบาทของบรูไนในฐานะศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 14 ถึง 17 (Photo Resource: Instagram)
กล่าวได้ว่าพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดารุสซาลาม ทำหน้าที่ทางการทูตด้วยมรดกวัฒนธรรม นิทรรศการ เรื่อง "เส้นทางสายไหมทางทะเล" เมื่อ ค.ศ. 2015 แสดงให้เห็นถึงเป้าหมาย 2 ประการของพิพิธภัณฑ์ การจัดแสดงโบราณวัตถุจากจีนที่ค้นพบในเส้นทางการค้า ทำให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ระหว่างบรูไนกับจีนที่ยาวนานนับศตวรรษ รวมถึงความเคารพและความรุ่งเรืองที่พัฒนาขึ้นร่วมกันผ่านการค้า นอกจากโบราณวัตถุ นิทรรศการยังนำเรื่องราวของพ่อค้าและนักเดินเรือมาถ่ายทอด ยิ่งชี้ให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างภูมิศาสตร์กับวัฒนธรรมที่ช่วยกระชับควาวมสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ
ภาพ 3 สมบัติล้ำค่าที่ถูกค้นพบจากซากเรืออับปางอายุ 500 ปี จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์การค้าทางทะเลอันรุ่มรวยของบรูไน
(Photo Source: https://lh3.googleusercontent.com/p/AF1QipO6PF8tsuOiv7caerMBi0ETi5OnvbAYS33pRQ2z=s1360-w1360-h1020)
พิพิธภัณฑ์จึงขยายบทบาทจากการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์สู่การทูตที่ส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้วยการเชื่อมโยงเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์เข้ากับการทูตสมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์แสดงให้เห็นว่าบทเรียนจากอดีตสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในยุคปัจจุบันและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมได้อย่างไร พิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดารุสซาลาม จึงไม่เพียงแต่เชิดชูมรดกของสุลต่านเท่านั้น แต่ยังยกระดับบทบาทของตนในฐานะผู้ส่งเสริมบทสนทนาในโลกที่เชื่อมโยงกันในปัจจุบันได้อย่างดียิ่ง
Brunei Museums Department. (n.d.). Muzium Maritim. Brunei Museums Department. Retrieved December 27, 2024, from http://www.museums.gov.bn/Bangunan%20dan%20Galeri/Muzium%20Maritim.aspx
Wikipedia contributors. (n.d.). Brunei Darussalam Maritime Museum. In Wikipedia. Retrieved December 27, 2024, from https://en.wikipedia.org/wiki/Brunei_Darussalam_Maritime_Museum
UNESCO. (n.d.). Maritime Museum. UNESCO Silk Roads Programme. Retrieved December 27, 2024, from https://en.unesco.org/silkroad/silk-road-themes/underwater-heritage/maritime-museum
ภาพปก สำรวจมรดกทางทะเลอันรุ่มรวยของบรูไนในนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี บรูไนดารุสซาลาม สถานที่ซึ่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมกลับมามีชีวิตอีกครั้ง (Photo Source: Instagram)