Museum’s core: การจำลองประวัติศาสตร์ (Reenactment) คืออะไร
คุณพยัญชนะ: เป็นกลุ่มการจำลองประวัติศาสตร์ (Reenactment) เป็นกิจกรรมด้านการศึกษาและเพื่อความบันเทิง จะจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่เพื่อการศึกษา อาจเกิดขึ้นมาในรูปแบบ กิจกรรม การจำลองการเล่นดนตรี การจำลองวิถีชีวิตผู้คนในอดีต การจำลองการรบ ส่วนการจำลองประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นสมัยโรมันครับ
Museum’s core: กลุ่ม Bankoku 18th Fuhyoushidan มีที่มาอย่างไร
คุณพยัญชนะ: จุดเริ่มต้นการจำลองประวัติศาสตร์ของผม ก็คือเห็นมาจากต่างประเทศ ไปเจอตอนเรียนครับ ผมเรียนต่อญี่ปุ่นและไปเจอกลุ่มการจำลองประวัติศาสตร์ (Reenactment) ผมก็ได้ร่วมกิจกรรมกับเขา ผมได้ความรู้มาเยอะเลยครับ และคิดว่าน่าจะเป็นคนแรก ๆ ที่นำกิจกรรมกลุ่มการจำลองประวัติศาสตร์ (Reenactment) เข้ามาในเมืองไทย ประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา
ส่วนที่มาของชื่อกลุ่ม Bankoku 18th Fuhyoushidan มีที่มาจากชื่อของทหารญี่ปุ่นหน่วยหนึ่งที่มาประจำการในกรุงเทพฯ ตรงกับช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 ชื่อประมาณว่า กองทัพพื้นที่ 18 ประจำกรุงเทพฯ ทหารหน่วยนี้เป็นนักเรียน นักศึกษาที่ถูกส่งมาเป็นทหารโดยที่ไม่เคยผ่านสงคราม ไม่เคยรบกับใครมาก่อน ผมเห็นว่าน่าสนใจก็เลยตั้งชื่อตาม
โดยรวมเราเป็นกลุ่มที่ต้องการทำให้เรื่องประวัติศาสตร์กลับมามีชีวิตด้วยการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของคนตัวเล็ก มิใช่ความยิ่งใหญ่ของสงครามและวีรบุรุษ และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่การค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมทางประวัติศาสตร์
Museum’s core: ทำกิจกรรมอะไรบ้าง
คุณพยัญชนะ: นอกจากการแต่งกาย เรื่องที่ทำหลัก ๆ ก็คือเรื่องทำอาหารครับ จะเอาหม้อสนามยุคเก่ามาทำอะไรกินกันข้างนอก ใช้เตาและก็หุงข้าว คือมันจะมีคู่มือทหาร ซึ่งญี่ปุ่นเขามีเอกสารบันทึกดีมากก็เลยง่ายไปหมด
ผมต้องเล่าก่อนว่ากองทัพญี่ปุ่นแตกต่างจากกองทัพอื่นตรงที่เขาใช้มาตรการ คือถ้าคุณไปอยู่ประเทศไหนคุณจะต้องไม่ส่งทรัพยากรจากประเทศแม่มา เพราะว่ามันเปลืองทรัพยากร ให้ใช้ของในพื้นที่ เขามีเขียนกำหนดมาว่ากินข้าวกี่ออนช์ กินเนื้อเท่าไร ๆ เราก็จดมาจากหลักฐานนี้ และก็ไปหาของที่ถูกยุคว่ามีอะไรบ้าง ปลากระบ๋องแบบไหน ทำข้าวแกงญี่ปุ่นด้วย ซึ่งแกงกะหรี่ก็เป็นวัฒนธรรมของเขาอะครับ เขาจะทำกินกันทุกวันศุกร์ เป็นอาหารที่อาจเป็นมื้อใหญ่ หรือมื้อที่พิเศษของเขา ทำเสร็จก็มานั่งกินกัน และต้องใส่ชุดอะไรแบบไหน ก็สนุกดีครับ
อีกอย่างมันจะมีช่วงหนึ่งที่มีคนเป็นโรคลักปิดลักเปิดที่ทุกคนกลัว กองทัพก็จะให้ข้าวแดงมา ซึ่งตามบันทึกทหารทุกคนไม่กินข้าวแดง ถึงขั้นมีการเรียกร้องข้าวขาว แต่พอกินข้าวขาวก็เป็นลักปิดลักเปิด จึงต้องมีการผสมธัญพืชเข้าไป ก็ไม่ยอมกินอีก สุดท้ายต้องใส่ผักดองเข้าไปในชุดเสบียงเพื่อให้ไม่เป็นโรคลักปิดลักเปิด
แต่เนื่องจากเราเป็นคนศตวรรษที่ 21 มันก็มีบางอย่างที่เรามีทัศนะการมองแบบคนปัจจุบัน ผมว่าเป็นจุดที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างคือเรากินข้าวแดงก็อร่อยนี่หว่า ข้าวใส่ธัญพืชยิ่งอร่อย ยิ่งเคี้ยวยิ่งมันส์ เราไม่อินว่าทำไมต้องเอาข้าวขาว คุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าเอาข้าวขาวไหม เพื่อนก็บอกว่าข้าวแดงเถอะอร่อยกว่า (หัวเราะ)
Museum’s core: จุดมุ่งหมาย หรือสิ่งที่กลุ่มให้ความสำคัญและระมัดระวังเป็นพิเศษ
คุณพยัญชนะ: อุดมการณ์ของกลุ่มผมก็เกิดจาก สองประเด็นครับ อย่างแรกพวกเราอยากทดลองใช้ชีวิตตามคนในประวัติศาสตร์ แล้วลองทำ ส่วนอีกข้อมันเกี่ยวกับเรื่องการเผยแพร่ การนำเสนอให้คนได้ดูว่า คนในอดีต การแต่งกาย หรือเหตุการณ์ในอดีต มันเป็นอย่างไร พวกเราจริงจังเรื่องนี้แหละครับ หลายคนมองว่าทำไมต้องจริงจัง แต่สำหรับกลุ่มเรา เราเป็นคนที่ตระหนักเนอะ ถ้าเราไม่ทำก็ไม่รู้ใครจะทำนะครับ มันเป็นความอินด้วย
และผมสนใจเรื่อง Pop Culture ครับ เพราะผมคิดว่า Pop Culture มันมีส่วนในการผลิตซ้ำความเข้าใจ เราซีเรียสกับความสมจริงของประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องความสมจริงกับหนัง ผมรู้สึกหนังบางเรื่องมันไม่ผ่าน ทั้งเครื่องแต่งกายและการนำเสนอ อย่างหนังเรื่องคู่กรรมเวอร์ชั่นล่าสุดมันมีส่วนผลิตซ้ำความเข้าใจผิดหลายอย่าง เช่น โกโบริเป็นทหารเรือ ซึ่งประวัติศาสตร์จริงไม่มีฐานทัพเรือญี่ปุ่นที่เข้ามาในกรุงเทพฯ แต่เป็นทหารบกแทน ต้องพูดเลยชุดที่พระเอกของเรื่องใส่ก็เป็นเครื่องแบบที่ใช้ในจีน ไม่ได้นำเข้ามาใช้ในไทยอะไรแบบนี้ครับ ซึ่งคนก็เข้าใจผิดต่อ ๆ กันไป
อีกสิ่งที่ผมไม่โอเค ก็คือความเข้าใจผิดที่คนจะไม่เข้าใจว่ากลุ่มผมทำอะไร เวลาไปร่วมงานการจำลองประวัติศาสตร์ที่มีคนเชิญไป แต่สุดท้ายคือจบที่พวกผมกลายเป็น Mascot เขาจ้างไปนะครับ ไปเดินในงานเฉย ๆ แล้วคนก็มาถ่ายรูป ซึ่งผมไม่โอเคเลย เราไม่ได้สื่อสารแก่นของกลุ่มเราจริง ๆ
อีกอย่างที่เคยเจอ คือมีคนมาติดต่อว่าจะมีเปิดบูธในงานวิ่งมาราธอน เลยอยากให้เราแต่งชุดทหารไปโชว์ตัว ผมนี่งงมากเลย แลัวมันเกี่ยวอะไรกับการวิ่ง เขาอยากให้ไปวิ่งนำหรือให้ไปยืนในบูธแล้วให้คนมาถ่ายรูป ผมก็เลยปฏิเสธ อีกกรณีหนึ่ง พวกผมไปงานหนึ่งมาครับ พอไปผมก็สอบถามว่าพี่มีบูธให้พวกผมไหมครับ เขาก็บอกว่าไม่มีคงให้น้องไปรอที่ห้องพักนักแสดง ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเอ้ยมีลางมรณะเกิดขึ้นแลัว ผมต้องไปรวมกับกลุ่มนักแสดงที่แต่งตัวเป็นทหารญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มผมจำลองประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ที่แคร์เรื่องของความสมจริงครับ ไม่ใช่นักแสดง
Museum’s core: มีกระบวนการทำให้สมาชิกใหม่ ๆ ของกลุ่มได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างไร
คุณพยัญชนะ: อันนี้ผมก็โชคดีกว่ากลุ่มอื่น คนที่เข้ามามีมุมมองประวัติศาสตร์ในทางเดียวกัน เราเข้ามาเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน เข้ามาคุยกัน แล้วผมก็จะอธิบายก่อนว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มอะไรอย่างไร แล้วพอทำกิจกรรมผมก็ชวนมาทำกิจกรรมกัน แรก ๆ สมาชิกใหม่ ๆ ก็จะงง ทำอะไรมาผิดบ้าง ใส่แว่นมาผิดยุคบ้าง เล่นอะไรแบบไม่ระวังบ้าง สักพักผมก็จะมีละลายพฤติกรรมเข้าสู่ข้อตกลงที่เป็นอัตลักษณ์ของเรานี้เอง ก็เป็นข้อดีของกลุ่มผม แต่ผมก็เคยได้ยินว่าหลายกลุ่มก็จะมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ต้องยอมทิ้งความสมจริงไป
บางคนก็ต่อต้านนะครับ บางคนก็จะแบบเฮ้ยทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ ทำไมต้องเหมือนจริงขนาดนี้ พวกเขาตีความเองได้ไหม ผมก็จะพูดเลยว่าเราไม่โอเค บางคนก็จะออกจากกลุ่มไป กลับไปคอสเพลย์บ้าง แต่บางคนที่อินเขาก็จะอยู่ต่อ ซึ่งมันก็เป็นการคัดสรรกันเองภายในอยู่แล้ว
Museum’s core: ทำไมทางกลุ่มถึงมีการจำลองประวัติศาสตร์ไทยน้อย มีอุปสรรคอะไร
คุณพยัญชนะ: ที่ไม่ค่อยได้จำลองประวัติศาสตร์ไทยเพราะว่ามันถูกพิทักษ์ด้วยการเป็นอนุสาวรีย์ครับ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่จริงความถูกต้อง จริงหรือเปล่าไม่รู้ คือหลาย ๆ อย่างกลายเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ เช่น น้องคนหนึ่งที่ผมรู้จักเขามีเพื่อนมาจากญี่ปุ่นเลยนะครับ และเขาศึกษาเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม จะมาดูเครื่องบินที่ไทย เตรียมชุดมา จะมาถ่ายรูปกันใหญ่โตครับ ผมก็ขับรถไปรับที่สนามบิน แล้วผมก็พาไปดูเครื่องบิน พี่คนที่เป็นเจ้าหน้าดูแลเครื่องบินมาบอกว่า “น้องคะเวลาน้องทำอะไรต้องระวังนะคะ เนี่ยเป็นเครื่องบินที่บรรทุกวีรบุรุษของประเทศไทย แล้วบางท่านตายในที่รบ น้องทำอะไรต้องระวังนะคะ” ผมงงมาก แล้วยังไง คืออะไร ผมก็ทำอะไรไม่ได้ในเครื่องบินนั้น กลายเป็นแค่อนุสาวรีย์ เครื่องบินที่มีพวงมาลัยห้อยอยู่
อย่างผมไปที่เวียดนามไม่เป็นแบบนี้นะครับ ผมไปมาสนุกมากเลยครับ ผมเห็นเด็กขึ้นไปปีนข้างบน เขาไม่แคร์เลย ผมเปิดประตูรถถังดูเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมชอบครับสนุกดี
Museum’s core: จากกิจกรรมกลุ่มสู่พิพิธภัณฑ์ได้อย่างไร และมีประสบการณ์อะไรที่น่าสนใจบ้าง
คุณพยัญชนะ: ในช่วงแรก ๆ ก็เป็นกิจกรรมกลุ่มที่ทำร่วมกับเพื่อน ๆ ผมเป็นพวกอินกับการปิกนิก แคมป์ปิ้งอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว ไปกันหลายที่มากเลย มีบ้านเพื่อนที่นู่นที่นี่ ที่เขามีที่หน่อย อย่างผมรู้จักเพื่อนอยู่ราชบุรีเขามีที่ตรงใกล้ ๆ กับอุทยานหินเขางูเป็นที่ใกล้แหล่งน้ำ วันหยุดก็จัดกิจกรรมกัน ขับรถไปปิ้งอะไรกินกัน เตรียมชุดไปใส่ แล้วพอตอนเย็นก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ ก็สนุกดี
พอมาช่วงหลัง ๆ เริ่มมีมิวเซียมหลายที่มาติดต่อ เช่นอยากให้เราไปโชว์ ไปตั้งแคมป์ก่อไฟให้คนมายืนดูเลย เป็นการจัดแสดง หม้อสนามเป็นอย่างนี้นะ อาหารต้องเป็นอย่างนี้ แลัวคนหนึ่งกินได้เท่าไร บทสนทนาที่เราได้คุยกับคนที่มาชมเราจำลองประวัติศาสตร์อันนี้สนุกผมชอบมากเลยครับ มันก็จะมีเช่นว่าคนเข้ามายืนดู แล้วก็มีการตอบสนองทางฝ่ายคนดูหลายอย่าง เช่น กับน้อง ๆ เด็กเล็ก ๆ เขาจะถามอย่างเดียว ทำไมพี่ต้องทำอย่างนี้ ๆ ทำไม่พี่ต้องพันหน้าแข้ง ทำไมพี่ต้องทำอะไร เพราะอะไร ซึ่งแบบน้องเขายังไม่เข้าใจอะครับ เพราะมันไม่เหมือนกับยุคสมัยนี้ เข้ามาคุยกับเราเขาก็จะงง เราก็จะอธิบายไป เขาก็พูดว่าสมัยก่อนดูลำบากเนอะอะไรอย่างนี้ หรือบางคนที่เขาเป็นผู้ใหญ่หน่อยเขาก็จะอธิบายจากยุคปู่ย่าตายายของเขา อย่างที่เขาจำมา เขาเล่าให้เราฟังว่าปู่ย่าเขาเคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ ยกตัวอย่างเขาเล่าถึงทหารญี่ปุ่นว่าหัวหน้าทหารต้องตบหน้าลูกน้องประมาณนี้ ก็เลยได้แลกเปลี่ยนกัน เป็นการแลกเปลี่ยนกันสนุก ๆ ครับ ผมพูดเลยเวลาออกไปจัดแสดงข้างนอกมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยนะครับ เป็น “บทสนทนาสองทาง”
หรือบางทีเขาอาจจะตั้งคำถามและให้เราได้ไปคิดต่อ เช่นเรื่องว่าทำไมท่ายืนยามของทหารญี่ปุ่นถึงไม่เข้มแข็งเลย (เพราะเราไปติดภาพจำมาจากทหารอเมริกา) ทำไมท่าถึงไม่องอาจเลย ซึ่งก็แบบ เอ่อเราก็นั่งคิดดู ความองอาจมันต่างกันไหมในแต่ล่ะยุคแต่ละสมัย ความองอาจมีไว้ทำไม หรือความองอาจมันมีไว้สำหรับผู้น้อย อะไรไม่รู้ผมเดานะ (หัวเราะ)
นอกจากนี้เด็ก ๆ ก็ถามว่าทำไมต้องใช้หม้อสนามแบบนี้ และก็อันนี้เหมือนหม้อของไทยหรือเปล่า แล้วผมก็กลับไปดูหม้อสนามของไทย ซึ่งมันมีแบบนี้จริง ๆ ด้วย หรือแบบจะมีคำถามว่าทำไมรองเท้าพี่มีส้นครับ อันนี้เจ๋งมาก คือเมื่อก่อนผู้ชายเป็นประเภทที่ใส่รองเท้าส้นสูง ก่อนที่ผู้หญิงจะมี และคือรองเท้าทหารญี่ปุ่นก็มีส้น ซึ่งพอเด็กถามผมก็รู้สึกว่าเอ่อจริงด้วย รองเท้าผู้ชายมีส้นเป็นเรื่องแปลกสำหรับยุคสมัยนี้ เป็นการตั้งคำถามจากผู้ชมให้เราไปทำการบ้านต่อ และก็เจอสิ่งที่น่าสนใจ
แต่ทั้งหมดนี้มันเป็นการต่อสู้ของพวกผมด้วยครับ ตอนแรกก็เริ่มจากการเป็น Mascot เดินไปเดินมาก่อน แล้วผมก็พยายามขอพื้นที่จัดแสดง แต่ตอนแรกแรกเขายังไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรนะครับ ผมก็เลยทำ PowerPoint ไปนำเสนอ เปิดให้ดูว่าผมทำอย่างนี้ แบบนี้นะพี่ ตอนแรกเขาก็ให้พื้นที่จำกัด แล้วตอนหลัง ๆ เราก็เริ่มได้วัตถุจัดแสดง เริ่มมีอำนาจในมือแล้วครับ เริ่มเอาของจัดแสดงของจริงมาเล่นมาทำให้คนได้ดู
Museum’s core: สิ่งที่อยากให้มีในประเทศไทย
คุณพยัญชนะ: ผมนี่เป็นคนฝันเฟื่องมากเลยนะ ผมถึงขั้นอยากให้มีจัดงาน Expo งานแบบว่า War and Peace เป็นงานที่รวบรวมทุกยุค ทั้งฝั่งพลเรือนอะไรอย่างนี้ครับ เอาคนจำลองทุกแบบมาประกอบเป็นงานเดียวกัน มีทั้งพวกที่แต่งเป็นทหาร แต่งเป็นฮิปปี้อยู่ด้วยกันจะแซ็วกันสนุกมากครับ หรือมีชาวไวกิ้ง คนยุคหิน ฯลฯ เป็นคนหลงยุคอะครับ ผมอยากทำมากเลย