Muse Around The World
ธุรกิจพิพิธภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลง
Muse Around The World
09 ม.ค. 68 184

ผู้เขียน : ยุภาพร ธัญวิวัฒน์กุล

จากคำนิยามโดย ICOM พิพิธภัณฑ์มีสถานะเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (Non-Profit Organization) มีบทบาทที่สำคัญในการส่งเสริมการศึกษา การอนุรักษ์ และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรม และศิลปะแก่สาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีมีความรวดเร็ว

ขณะที่การบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพและการดำรงอยู่ได้ของพิพิธภัณฑ์อย่างมีเสถียรภาพ ตลอดจนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พิพิธภัณฑ์จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรบุคคลและเงินทุนสนับสนุน เพื่อรักษาและพัฒนาคุณภาพการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบนิทรรศการ และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิด รวมถึงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ

สร้างสมดุลสู่ความมั่นคงขององค์กร

การดำเนินงานของพิพิธภัณฑ์นั้นมักต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน แม้แต่พิพิธภัณฑ์ที่ก่อตั้งขึ้น หรืออยู่ภายใต้การกำกับของรัฐก็ตาม หลายแห่งได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณที่จำกัดและบางแห่งอาจถูกลดงบประมาณลง ดังนั้น การหารายได้จึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญสำหรับพิพิธภัณฑ์ทุกประเภทในปัจจุบัน

ทว่าภายใต้กรอบที่กำหนดสถานะให้พิพิธภัณฑ์ไม่แสวงหาผลกำไรนั้น ธุรกิจในพิพิธภัณฑ์มีรูปแบบหรือแนวทางการดำเนินงานอย่างไรที่จำเป็นต่อการสร้างความเติบโตของพิพิธภัณฑ์ โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 2018 สถาบันศิลปะซัทเทบีส์ (Sotheby’s Institute of Art) ได้เผยแพร่บทความเรื่องรูปแบบธุรกิจของพิพิธภัณฑ์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวคิดในการหารายได้ของพิพิธภัณฑ์ระบุว่า รายได้ของพิพิธภัณฑ์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ การคิดค่าบริการต่างๆ และการบริจาคหรือการระดมทุน

โดยทั่วไปการคิดค่าบริการต่างๆ ที่สร้างรายได้ให้กับพิพิธภัณฑ์มักมาจากหลายด้าน ได้แก่ ค่าจำหน่ายบัตรเข้าชมนิทรรศการ ค่าบริการกิจกรรมการศึกษา ร้านขายสินค้าที่ระลึกและร้านกาแฟ การให้เช่าพื้นที่สำหรับจัดงานอีเวนต์ และค่าลิขสิทธิ์ พิพิธภัณฑ์บางแห่งสามารถสร้างรายได้จากการออกใบอนุญาตลิขสิทธิ์ศิลปวัตถุที่เป็นคลังวัตถุของพิพิธภัณฑ์เพื่อนำมาผลิตซ้ำในเชิงการพาณิชย์ เช่น พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum) ญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The Metropolitan Museum Of Art) พิพิธภัณฑ์ศิลปะอเมริกันวิทนีย์ (Whitney Museum of American Art) เป็นต้น

ภาพที่ 1 ร้านของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ (National Palace Museum, Taiwan)
แหล่งที่มาภาพ : ผู้เขียน

 

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ร่วมทำโปรเจคกับยูนิโคล่ (UNIQLO x The Louvre) แบรนด์แฟชั่นสไตล์มินิมอลที่รู้จักกันทั่วโลกมาตั้งแต่ ค.ศ. 2021 ผลิตสินค้าที่นำเสนอศิลปวัตถุให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนยุคใหม่ โดยผสมผสานระหว่างศิลปะ แฟชั่น และการออกแบบกราฟิก พิมพ์ลายบนเสื้อยืด กระเป๋าผ้า เครื่องเขียน แก้วน้ำ เป็นต้น หรือการจับมือร่วมทำโปรเจคกับเคสติฟาย (Louvre X CASETiFY) แบรนด์อุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีเพื่อส่งผลงานศิลปะระดับโลกไปอวดโฉมอยู่บนเคสโทรศัพท์ราวกับพกพาผลงานชิ้นเอกของโลกไปได้ทุกที่ ซึ่งนอกจากพิพิธภัณฑ์จะได้รับค่าลิขสิทธิ์แล้ว แต่การร่วมมือกับภาคเอกชนผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่หลากหลายมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนส่งเสริมให้ผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย

ภาพที่ 2 ตัวอย่างสินค้าที่ใช้ผลงานศิลปะคอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
แหล่งที่มาภาพ https://x.com/artofth/status/1376499943087607809/photo/4

พลังขับเคลื่อนอนาคตพิพิธภัณฑ์ด้วยการบริจาคและการระดมทุน

การบริจาคหรือการระดมทุน คิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ของรายได้ของพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐมาตั้งแต่แรก พิพิธภัณฑ์และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างใช้กลวิธีมากมายในการหารายได้ อาทิ การจัดงานกาลา (Gala) เพื่อระดมทุนระดับสูง แต่งานกาลาไม่ได้สร้างรายได้มากเท่ากับการระดมทุนจากเงินบริจาคจำนวนเพียงเล็กๆ น้อยๆ จากมวลชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญช่วยสร้างชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมกับพิพิธภัณฑ์ และเกิดการบริจาคซ้ำ

ตัวอย่างหนึ่งของการระดมทุนจากมวลชน (Crowdfunding) ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นโปรเจค #GivingTuseday แคมเปญที่เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อสังคมโลกที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 2012 ในวันอังคารหลังวันขอบคุณพระเจ้าโดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการบริจาค ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งใช้โอกาสนี้นำโครงการเข้าร่วมเพื่อขอรับเงินบริจาค และนำไปใช้ในการดำเนินภารกิจของพิพิธภัณฑ์ด้วยการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์อธิบายว่าการบริจาคช่วยสนับสนุนภารกิจของพิพิธภัณฑ์ได้อย่างไร     

ภาพที่ 3 ตัวอย่างการทำสื่อประชาสัมพันธ์แคมเปญ #GivingTuseday ของพิพิธภัณฑ์บู้ทฮิลล์แหล่งที่มาภาพ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1113168094144422&set=pb.100063537251976.-2207520000&type=3

ต่อยอดโมเดลธุรกิจ

การหารายได้ในพิพิธภัณฑ์นับเป็นเรื่องท้าทาย และมีความสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนและความเป็นอิสระในการดำเนินงานพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งยังลดการพึ่งพาทุนสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่อการถูกตัดงบประมาณ หรือได้รับการสนับสนุนเงินทุนน้อยลง ซึ่งอาจทำให้พิพิธภัณฑ์ขาดกิจกรรมที่มีคุณค่าต่อสังคม ในต่างประเทศมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่ประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้เพิ่มให้กับพิพิธภัณฑ์ด้วยกลยุทธ์และวิธีการที่มีประสิทธิภาพหลายแบบที่สามารถนำมาศึกษาเพื่อปรับใช้เหมาะสมกับบริบทของพิพิธภัณฑ์ในแต่ละแห่ง ได้แก่

  1. การจัดกิจกรรมพิเศษและนิทรรศการชั่วคราว สามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชมให้เข้ามาที่พิพิธภัณฑ์โดยเฉพาะ หากมีการแสดงศิลปะจากศิลปินชั้นนำ หรือการเชิญบุคลากรที่มีชื่อเสียง/ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มาร่วมงาน เช่น การอภิปรายวิชาการ หรือการจัดเวิร์คช็อปที่น่าสนใจช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับข้อมูลที่นำเสนอ โดยสามารถเก็บค่าบัตรเข้าชม หรือค่าบริการสำหรับกิจกรรมเหล่านี้ได้
  2. การตลาดและการโฆษณา โดยการสร้างโปรแกรมสมาชิกหรือการให้ลดราคาพิเศษสำหรับกลุ่มผู้เยี่ยมชมจะช่วยเพิ่มยอดเข้าชมได้ โดยพิพิธภัณฑ์สามารถพัฒนาระบบสมาชิกโดยเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การเข้าชมฟรี ส่วนลดในการซื้อของที่ระลึก หรือการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษสำหรับสมาชิก ซึ่งนอกจากช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงแล้วแต่ยังสร้างกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีความผูกพันกับพิพิธภัณฑ์
  3. การใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ รวมถึงการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในโซเชียลมีเดียไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสนใจสาธารณะต่อพิพิธภัณฑ์ ยังสามารถใช้เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมพิเศษ สร้างโอกาสในการเพิ่มผู้เข้าชม รวมถึงสร้างการระดมทุนออนไลน์ในบางกรณีก็เป็นได้
  4. การสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับองค์กรภายนอก โดยสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนการจัดกิจกรรมเฉพาะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่พิพิธภัณฑ์ หรืออาจให้การสนับสนุนเป็นเงินทุนเพื่อโครงการพิเศษ ตลอดจนการร่วมมือพัฒนาการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของพิพิธภัณฑ์ได้
  5. การผลิตและจำหน่ายสินค้า พิพิธภัณฑ์อาจจัดหา หรือจัดตั้งร้านขายของที่ระลึกและสินค้าบริการภายในพิพิธภัณฑ์ จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับนิทรรศการหรือสินค้าที่ระลึกที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมที่นำเสนอ เช่น หนังสือ แผ่นพับ เสื้อยืด ชุดเครื่องเขียน กระเป๋าผ้า ฯลฯ รวมถึงร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม เพื่อช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับพิพิธภัณฑ์

ตัวอย่างพิพิธภัณฑ์ที่ใช้กลยุทธ์เหล่านี้แล้วประสบความสำเร็จในการหารายได้

  • พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใช้กลยุทธ์การหารายได้ที่หลากหลาย ทั้งการจัดนิทรรศการชั่วคราวที่มีชื่อเสียง การเปิดตัวสินค้าแบรนด์ลูฟวร์ และการมีระบบสมาชิกที่ได้รับการตอบรับอย่างดี
  • พิพิธภัณฑ์บริติช (British Museum) ประเทศอังกฤษ มีการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพื่อดึงดูดผู้เยี่ยมชม เช่น การบรรยายจากนักวิชาการ และกิจกรรมวัฒนธรรมต่างๆ ที่ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมทำกิจกรรมได้ผ่านระบบสมาชิก
  •  พิพิธภัณฑ์กู้กง (Gu Gong) หรือพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ประเทศจีน มีการวางแผนจัดกิจกรรมการและนิทรรศการชั่วคราวเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมจากทั่วโลก
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art - MoMA) ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดกิจกรรมและนิทรรศการที่สร้างความสนใจ อีกทั้งยังขายสินค้าที่ระลึกและมีโปรแกรมสมาชิกที่ช่วยเพิ่มรายได้ รวมถึงการจัดงานเลี้ยงและกิจกรรมระดมทุนอย่างสม่ำเสมอ

ภาพที่ 4 ตัวอย่างการจัดงานเลี้ยงเพื่อระดมทุนระดับสูงในธีม Party in the Garden 2024
ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ได้รับความสนใจจากเหล่าเซเลบริตี้มากมาย
แหล่งที่มาภาพ https://www.moma.org/calendar/events/9576

 

ในยุคที่พิพิธภัณฑ์ต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน การนำนวัตกรรมและกลยุทธ์ใหม่ๆ มาใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความยั่งยืนและความเป็นอิสระในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมพิเศษ ระบบสมาชิก การใช้โซเชียลมีเดีย ความร่วมมือกับองค์กรภายนอก หรือการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยลดการพึ่งพาทุนสนับสนุนจากรัฐที่อาจไม่แน่นอน ตัวอย่างความสำเร็จจากพิพิธภัณฑ์ระดับโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์บริติช พิพิธภัณฑ์กู้กง และ MoMA แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของวิธีการเหล่านี้ ที่ไม่เพียงช่วยสร้างความสมดุลในการดำเนินงาน แต่ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์กับสาธารณะและสร้างผลกระทบทางวัฒนธรรมในวงกว้าง ในอนาคต พิพิธภัณฑ์ควรปรับใช้กลยุทธ์เหล่านี้ให้เหมาะสมกับบริบทของตน เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการศึกษา การอนุรักษ์ และความเชื่อมโยงกับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไปสำหรับคนรุ่นหลัง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Sotheby's Institute of Art. The Business Model of the Non-Profit Museum. January 9, 2018. Retrieve from https://www.sothebysinstitute.com/news-and-events/news/the-business-model-of-the-nonprofit-museum

MARKETING OOPS! UNIQLO x The Louvre ปล่อยเสื้อยืดคอลเลกชันศิลปะแห่งประวัติศาสตร์ต่อเนื่องปี 3. May 4, 2023. Retrieve from https://www.marketingoops.com/campaigns/social-media-marketing-digital/uniqlo-x-the-louvre/

CheezeLooker. MUSÉE DU LOUVRE X CASETIFY คอลเลคชั่น TECH ACCESSORIES เอาใจสายอาร์ท แค่ใจรักยังไม่พอ เพราะของมันต้องมี! February 2,2021. Retrieve from https://cheezelooker.com/web/article/CHZ210200047

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ