สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติดึงนักวิชาการไทย – อาเซียน ร่วมทลายกำแพงพิพิธภัณฑ์สร้างมิติใหม่การเรียนรู้รับศตวรรษที่ 21
ข่าวสารองค์กร
09 ส.ค. 59 3K

              สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) จัดงานประชุมวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ระดับนานาชาติ (Museum Forum 2016) ภายใต้แนวคิด “Museum without Walls” โดยดึงผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ มาร่วมทลายกำแพงพิพิธภัณฑ์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และกระบวนการทำงานด้านพิพิธภัณฑ์ ส่งเสริมให้บุคลากรในวงการพิพิธภัณฑ์ไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีโอกาสได้เปิดโลกทัศน์การสร้างสรรค์ ต่อยอดการพัฒนาองความรู้ด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 3 สิงหาคม 2559 ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ปทุมวัน กรุงเทพฯ

 

              นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ได้กล่าวถึง การขับเคลื่อนของพิพิธภัณฑ์ในยุคปัจจุบันว่า มิได้รองรับเพียงการรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติ แต่ยังขยายบทบาทสู่การพัฒนาการศึกษาของประชาชน อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนในอนาคต สพร. ในฐานะองค์การจัดการความรู้ขนาดใหญ่ จึงได้ร่วมกับ ศูนย์ภูมิภาคโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ในองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือศูนย์สปาฟา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จัดงานประชุมวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ระดับนานาชาติ (Museum Forum 2016) ขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ในการทำงานด้านพิพิธภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

 

              โดยตั้งเป้าหมายให้คนในวงการพิพิธภัณฑ์ไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีโอกาสได้เปิดโลกทัศน์การสร้างสรรค์ ต่อยอดการพัฒนาองความรู้ด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ พร้อมปรับบทบาทของพิพิธภัณฑ์ไทยให้มีความเชื่อมโยงกับสังคมมากขึ้น งานดังกล่าวจัดขึ้นในรูปแบบของการบรรยายทางวิชาการ โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสแนวคิดและกระบวนการทำงานพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับงานพิพิธภัณฑ์ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ฯลฯ กับ 7 วิทยากรที่จะมาร่วมเผยไอเดียการบริหารจัดการวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ ทลายกำแพงพิพิธภัณฑ์สู่การเรียนรู้มิติใหม่ ภายใต้แนวคิด “Museum without Walls” อันประกอบไปด้วยหัวข้อการบรรยายดังต่อไปนี้

 

              1) มรดกทางวัฒนธรรมกับการสื่อสารในโลกยุคดิจิทัล (Cultural Heritage at Your Fingerprints in The Mobile-first World) โดยคุณเคสเนีย ดุคฟิลด์ คาร์ยาคีน่า ผู้จัดการด้านยุทธศาสตร์นโยบายสาธารณะ สถาบันวิจัยกูเกิล นำเสนอแนวทางการอนุรักษ์และการเรียนรู้วัฒนธรรม ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของคนในยุคศตวรรษที่ 21 พร้อมสะท้อนมุมมองที่ว่า โลกอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ของความเท่าเทียมที่เปิดโอกาสให้คนสามารถเข้าถึงมรดกวัฒนธรรม และศิลปะจากทั่วทุกมุมโลกได้ตลอดเวลา โดยช่วยลดข้อจำกัดทางกายภาพของพิพิธภัณฑ์ได้ เพียงอาศัยปลายนิ้วสัมผัส

 

               2) การประยุกต์ใช้วัฒนธรรมไร้รูปสู่กระบวนการขับเคลื่อนพิพิธภัณฑ์ (Using Intangible Cultural Heritage to Move Beyond the Museum) โดยคุณธารา กูจาเดอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ศิลปวัฒนธรรมและชาติพันธุ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนลาว แบ่งปันประสบการณ์การทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกล ภายใต้กรอบคิดเรื่องวัฒนธรรมไร้รูปของยูเนสโก โดยมุ่งให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัย เก็บรวบรวมฐานข้อมูลวัฒนธรรมไร้รูป อาทิ นิทาน ตำนาน ประเพณี พิธีกรรม ฯลฯ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการกำหนด เนื้อหา วิธีนำเสนอ การนำชม อันก่อให้เกิดการสร้างอัตลักษณ์ และความภาคภูมิใจในตนเอง   

       

                3) โปรแกรมการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ (Museum Program for The Alzheimer's: Pilot Project in National Museum of Indonesia) โดยคุณเอนดริยาตี ระหะยู อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย บรรยายถึงโครงการจัดโปรแกรมการเรียนรู้ให้กับผู้สูงอายุที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงจาร์การ์ตา ที่ต้องการเสนอให้เห็นว่า พิพิธภัณฑ์ควรเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนกลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากกลุ่มที่เคยชินอย่างกลุ่มเยาวชนได้ โดยในโครงการนี้ ผู้ศึกษาใช้จารึกโบราณเป็นสื่อในการเรียนรู้ให้กับกลุ่มตัวอย่าง และได้รับผลตอบกลับที่น่าสนใจ

 

                4) แนวคิดพิพิธภัณฑ์ไร้กำแพงกับการดำเนินงานพิพิธภัณฑ์ตามข้อแนะนำของยูเนสโก (Potential contribution of Museums without Walls in implementing the UNESCO Recommendations on Museums) โดย ดร.เซือง บิ๊ก แฮค หัวหน้าฝ่ายวัฒนธรรมแห่งสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ประเทศไทย ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญ และบทบาททางสังคมของพิพิธภัณฑ์ในฐานะองค์กรที่จะผนึก บูรณาการ ช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ให้สามารถเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงมหาศาลของสังคมได้ รวมถึงจะช่วยสร้างความเป็นพลเมือง และสะท้อนอัตลักษณ์ร่วมของกลุ่มชน ผ่านข้อเสนอแนะที่ผ่านการประชุมสามัญของยูเนสโกเมื่อปี 2015 ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครอง การส่งเสริมงานด้านพิพิธภัณฑ์และวัตถุที่เกี่ยวข้อง

 

                5)การให้การศึกษาเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมแห่งสิงคโปร์แก่เยาวชนรุ่นใหม่ผ่านช่องทางพิพิธภัณฑ์ (Singapore’s Little Treasure Project) โดยคุณอัสมา เอลเลียส ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ด้านการศึกษาและชุมชนจากคณะกรรมการมรดกแห่งชาติประเทศสิงคโปร์ แสดงตัวอย่างการทำงานนอกกำแพงพิพิธภัณฑ์ ผ่านแนวคิดและการดำเนินงานในการให้การศึกษาเรื่องมรดกวัฒนธรรมแก่เยาวชนสิงคโปร์ ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติ สิงคโปร์ ที่มุ่งสร้างพื้นฐานความเข้าใจในมรดกและความเป็นชาติให้กับเยาวชนตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านกิจกรรมต่างๆ

 

                6) การมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างและดำเนินงานพิพิธภัณฑ์ด้วยตัวเอง: ผ่านกรณีตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์ทันตวน (Community Involvement in Making Museum Exhibitions: A Case Study of Thanh Toan Museum) โดยคุณเหงวี่ยน ดึ๊ก ตัง เจ้าหน้าที่สำนักงานยูเนสโก ฮานอย ประเทศเวียดนาม นำเสนอเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ทันตวน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเกษตรกรในประเทศเวียดนามที่ชุมชนเป็นผู้ก่อตั้ง อันสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องราวต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ในขณะเดียวกันกระบวนการเรียนรู้จากในพิพิธภัณฑ์ก็เชื่อมโยงออกไปในชุมชนด้วย    

        

                7) 70 ปีหลังจากแนวคิดของอองเดร์ มาลโรซ์ ที่เป็นแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นให้เกิดพิพิธภัณฑ์ไร้พรมแดน (70 Years after Malraux's Museums without Walls: Its Inspiration and Resonance to Museum Practice in The Philippines) โดย ดร.อนา มาเรีย เธเรซ่า พี. ลาบราดอร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประเทศฟิลิปปินส์

 

                ในการจัดงานประชุมวิชาการครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนแนวคิดการทำงานด้านพิพิธภัณฑ์ ยังถือเป็นการสร้างเครือข่ายวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาอันเข้มแข็ง และนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในภายภาคหน้า รวมถึงองค์ความรู้ต่างๆ ภายในงานประชุมจะถูกนำมาเรียบเรียงและจัดพิมพ์เนื้อหาเพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรในวงการพิพิธภัณฑ์ของไทยต่อไป นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการตัดสินการประกวดภาพยนตร์สั้น ในหัวข้อ “Museum without Walls” เพื่อสะท้อนมุมมองของคนรุ่นใหม่ในแง่มุมเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ ทั้ง 4 เรื่อง ที่เปิดให้ชมและร่วมโหวตทางเฟซบุ๊กของมิวเซียมสยาม

 

                ผลการตัดสินรางวัลชนะเลิศได้แก่ ภาพยนตร์สั้นชุด “กระทำความอาร์ตหมายเลข๑ (#‎No1)" โดยนายณัฐนพ ตรัยที่พึ่ง รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัล Popular Vote ตกเป็นของภาพยนตร์สั้นชุด “MUSE(US) - ความรู้(สึก)”  โดยนายณัฐนนท์ ราตรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ “ผัสสะ” โดยนายศุภร ชูทรงเดช และ นางสาวนุชนาฎ แม้นทิม และสุดท้ายรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ “วันพิพากษาพิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน” โดยนายนันทวุธ ภูผาสุข หากใครที่พลาดชมภาพยนตร์สั้น จากโครงการ “Museum without Walls” สามารถเข้าไปรับชมกันได้ตามลิงค์ด้านล่างได้เลย


 
ชนะเลิศ : กระทำความอาร์ตหมายเลข ๑ ‪#‎No1 -https://youtu.be/IFiFCS-mZ24
รองชนะเลิศอันดับ 1 : MUSE(US) - ความรู้(สึก) -https://youtu.be/0CpOG0ERoCc
รองชนะเลิศอันดับ 2 : ผัสสะ - https://youtu.be/Bvtocx1M650
รางวัลชมเชย : วันพิพากษาพิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน -https://youtu.be/TX8MsBBkWP0

 



ย้อนกลับ