กู๊ดบาย สกายไฮ
ปัจจุบันมีโครงการปรับปรุงอาคารสองฝั่งถนนราชดำเนินกลาง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ร้านค้าสองข้างทาง หนึ่งในนั้นคือ ร้านสกายไฮที่จะต้องย้ายออกไปในช่วงต้นพ.ศ. 2563
ร้านสกายไฮ เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2519 ชื่อร้านได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อเพลง sky high ของวง jigsaw วงดนตรีสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นเพลงฝรั่งที่ดังมากในยุคนั้น ในระยะแรกยังไม่มีการเปิดร้านอาหาร แต่เปิดเป็นสำนักงานบัญชีบริเวณชั้นสอง เพราะต้องติดต่อสรรพากรอยู่เสมอ ๆ จึงเลือกทำเลของสำนักงานบัญชีให้อยู่ตรงข้ามกับสรรพากร การเปิดสำนักงานบัญชีไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ซึ่งบริเวณชั้นหนึ่งที่ว่างอยู่จึงมีความคิดที่จะเปิดร้านอาหาร
คุณณภัชนันท์ จงมั่นคง ทายาทรุ่นที่สองของร้านสกายไฮกล่าวถึงเหตุผลในการเปิดร้านสกายไฮว่า
“คุณแม่เสียดายข้างล่าง เพราะสำนักงานบัญชีไม่ต้องใช้หน้าร้าน แล้วที่บ้านชอบทำอาหาร แต่ก่อนคุณพ่อทำร้านอาหาร เป็นครัวส่งการบินไทย พอมีที่ของเราก็เลยลองทำเองบ้าง สมัยมาตั้งใหม่ ๆ ไม่มีร้านอาหารเลย มีกรุงไทย มีสรรพากร ตรงข้ามมีโลลิต้า สีดาคลับ แล้วก็ มูแลงรูจ กลางคืนเขาก็หาของกินกัน เราก็เลยทำข้าวต้มรองรับกลุ่มนี้ เปิดถึง ตีสองเพื่อรองรับลูกค้า”
ในอดีตบริเวณริมทางเท้าถนนราชดำเนินกลางอนุญาตให้ร้านอาหารตั้งโต๊ะบนทางเท้าได้ และสามารถจอดรถริมทางเท้าและเกาะกลางได้ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าส่วนใหญ่มาก ทำให้ร้านสกายไฮมีลูกค้าเยอะตลอดทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ต่อมาจึงต้องขยายร้าน จากก่อนหน้านี้มีเพียงห้องเดียวกลายเป็นมีสามห้องติดกันดังที่เห็นในปัจจุบัน สิ่งที่ทำให้ลูกค้าติดใจก็เป็นเพราะทางร้านใช้ของคุณภาพดี และใช้พ่อครัวคนเดิม ทำให้รสชาติอาหารแต่ละจานสม่ำเสมอคงที่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ทำให้ลูกค้ายังคงติดใจรสชาติอาหารของร้านสกายไฮ และทำให้มีลูกค้าประจำอย่างม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมท ที่มาสั่งเมนูเป็ดพะโล้เป็นประจำ
ถ้าเปรียบเทียบร้านสกายไฮเป็นคน ๆ หนึ่ง ก็คงจะอายุประมาณ 40 เป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน ผ่านหลายช่วงเวลา ผ่านหลายเหตุการณ์สำคัญ แม้ว่าไนท์คลับจะปิดไปแล้ว กรมประชาสัมพันธ์และกองสลากจะถูกย้ายที่ แต่ร้านสกายไฮก็ยังคงยืนหยัดอยู่บนถนนราชดำเนินกลางแห่งนี้ แต่แล้วโครงการปรับปรุงอาคารสองฝั่งถนนราชดำเนินที่เกิดขึ้น ทำให้ร้านสกายไฮไม่ได้รับการต่อสัญญาอีก ทำให้ร้านสกายไฮย้ายร้านไปที่ห้างสรรพสินค้า The Sense บริเวณปิ่นเกล้า ซึ่งไม่ไกลจากที่เดิมมากนัก คุณณภัชนันท์ จงมั่นคงกล่าวถึงการย้ายร้านว่า “รู้สึกเสียดายครึ่งนึง แต่ก็ทำให้เราได้ไปหาโอกาสใหม่ ทำร้านใหม่ให้ดูสะอาดยิ่งขึ้น ของน่ากินมากขึ้น ไปThe Sense ก็จะทำให้The Sense คึกคักมากขึ้น ดีตรงมีที่จอดรถ ไม่ไกลที่ราชดำเนินมาก ลูกค้าเก่ายังพอไปตามได้ ก็หวังว่าจะดี ” คุณณภัชนันท์ จงมั่นคงกล่าวต่อว่า “มองว่าเป็นโอกาสเพราะที่ราชดำเนิน จอดรถไม่ได้ ตั้งโต๊ะหน้าร้านไม่ได้ หลัง ๆ เราก็ขายพอเลี้ยงตัวเองได้ แต่ไม่ได้ฝู่ฝ่าเหมือนเหมือนก่อน ก็ถือว่าเป็นผลิกโอกาส โชคดีทีที่ใหม่ให้ใช้เตาถ่าน เราโฆษณาว่าข้าวต้มเราเตาถ่าน จะไม่ให้ใช้เตาถ่านได้ไง ”
สิ่งที่ทางร้านยังเก็บไว้เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นร้านสกายไฮ คือ รสชาติอาหาร รูปภาพ บรรยากาศของถนนเส้นนี้ โต๊ะ เก้าอี้ และพนักงานที่ยังคงเป็นธีมเดิม
รัชนก พุทธสุขา