กีฬา ๆ เป็นยาวิเศษที่นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว กีฬายังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสัมพันธไมตรี มีการแข่งขันกีฬากระชับมิตรจากคนในประเทศ สู่ระดับภูมิภาค ไปจนถึงระดับโลก อย่างเช่น ซีเกมส์การแข่งขันกีฬาในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังจัดการแข่งขันอยู่ในขณะนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 29 แล้ว แต่ถ้าจะกล่าวถึงความฝันอันสูงสุดของเหล่าบรรดานักกีฬาคงไม่พ้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ที่จะได้พิสูจน์ความสามารถในระดับโลก นอกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะเป็นความฝันอันสูงสุดทั้งของประเทศต่าง ๆ ที่จะได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันและนักกีฬาแล้ว ยังมีการสร้างพิพิธภัณฑ์โอลิมปิกไว้สำหรับเก็บภาพความทรงจำ ความสำเร็จ รอยยิ้ม และคราบน้ำตา เก็บไว้ในลูกหลานได้ชมกันอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วตามนายกบแดงไปชม “The Olympic Museum” ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ กันเลยครับ...
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งความฝัน ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “หลังคาของทวีปยุโรป” มนต์เสน่ห์ของประเทศทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามราวภาพวาดแล้ว ที่เมืองโลซานน์ (Lausanne)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก หรือ “The Olympic Museum” พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับกีฬา โอลิมปิก ตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน รวมถึงเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC อีกด้วย ทำให้เมืองโลซานน์กลายเป็นเมืองหลวงแห่งโอลิมปิก จึงได้สร้างพิพิธภัณฑ์โอลิมปิกขึ้นริมทะเลสาบเจนีวา (Geneva) ขึ้นในปี ค.ศ.1993 บริเวณสวนด้านหน้าก่อนเข้าไปชมตัวพิพิธภัณฑ์จะเต็มไปด้วยประติมากรรมที่เกี่ยวกับกีฬา และนักกีฬา เช่น รูปปั้นนักกรีฑา นักปั่นจักรยาน ฟุตบอล ลู่วิ่งจำลอง หรือจะเป็นรูปปั้น Six Pack หนึ่งในผลงานของ Miguel Berrocal
ด้านในของพิพิธภัณฑ์จะเก็บรวบรวมเรื่องราวและสิ่งของที่ทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาตร์ คุณค่าทางด้านจิตใจ ที่ล้วนเกี่ยวข้องกับกีฬาโอลิมปิกแทบทั้งสิ้น มีวัตถุจัดแสดงมากกว่า 10,000 ชิ้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 1993 จะมีภาพของแข่งขันโอลิมปิกในแต่ละครั้ง คบเพลิงที่ใช้ เหรียญรางวัล รวมไปถึงมาสค็อต แต่ละครั้งที่มีการจัดโอลิมปิกเกิดขึ้น ล้วนเป็นภาพความทรงจำแห่งประวัติศาสตร์ ถือเป็นเกียรติของนักกีฬาและประเทศที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยนิทรรศการถาวร ประกอบด้วย 3 ธีม คือ
The Olympic World กล่าวถึงเส้นทางสู่โอลิมปิกเกมส์ ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของเกมส์กีฬาโอลิมปิกถูกมองว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่สำคัญที่สุดของโลก การสร้างสรรค์กีฬาโอลิมปิกได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬาโอลิมปิกโบราณ (Ancient Olympic Games) เป็นเทศกาลทางศาสนาและกรีฑาซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งซุสในโอลิมเปีย กรีซ และในส่วนนี้จะมีธงโอลิมปิกผืนแรกที่จัดขึ้นเมื่อปี 1913 พร้อมกับคบเพลิงทุกสมัย เริ่มตั้งแต่ปี 1936 จัดแสดงไว้ให้ชมอีกด้วย
The Olympic Games โซนนี้มุ่งเน้นไปที่ตัวนักกีฬาโอลิมปิก ผู้ที่สามารถเป็นหนึ่งในกีฬาแต่ละประเภท ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขา มิตรภาพแห่งชัยชนะ “Words of Olympians” จะเป็นการสัมภาษณ์นักกีฬา ถึงการแข่งขันและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเกมการแข่งขันของพวกเขา บทสัมภาษณ์เหล่านี้จะกลายมาเป็นคอลเลคชั่นหนึ่งที่ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบของวิดีโอ และรูปภาพ กลายมาเป็นภาพยนตร์สั้น 180 องศา ที่ชื่อว่า “Inside the Race” แม้จะใช้เวลาเพียง 0.53 นาที แต่รับรองว่าผู้ที่เข้าชมจะต้องประทับใจกับภาพที่ถูกถ่ายทอดออกมาตรงหน้าอย่างแน่นอน
The Olympic Spirit ทุกคนได้มายืนอยู่ใจกลางหมู่บ้านโอลิมปิก ที่นักกีฬาจากทุกประเทศจะต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นระยะเวลากว่า 15 วัน การฝึกฝน เทคโนโลยี โภชนาการ ทุกๆ สิ่งที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา จะถูกนำมาจัดแสดงให้กับผู้ชมได้รู้ถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่นักกีฬาใช้ฝึกฝนร่างกาย มีเกมส์ต่างๆ ให้เด็ก ๆ ได้ลองเล่น และยังมีส่วนของการจัดแสดงเหรียญโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 1896 จนถึงปัจจุบันให้ได้ชมกันอีกด้วย
ช่วงเวลาเปิดทำการของพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก คือ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 14 ตุลาคม เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น. ส่วนในช่วงวันที่ 15 ตุลาคม – 30 เมษายน จะเปิดทำการเวลา 10.00 – 18.00 น. เฉพาะวันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) ยกเว้นวันอีสเตอร์ และวันปีใหม่ ตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์สามารถซื้อได้โดยตรงที่พิพิธภัณฑ์ จะมีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติอยู่ สำหรับอัตราค่าเข้าชมจะมีทั้งอัตราค่าเข้าชมนิทรรศการถาวร และนิทรรศการพิเศษ สามารถเข้าชมรายละเอียดค่าเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.olympic.org
จะเห็นได้ว่ากีฬา เป็นส่วนสำคัญในการสร้างชาติ หลายประเทศได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการกีฬาจึงได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับกีฬาไว้มากมายหลายแห่งด้วยกัน ดังพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 10 “กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ” ประเทศไทยก็ได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ ไว้เก็บบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์การกีฬาของประเทศไทย รอยยิ้มและคราบน้ำตา ช่วงเวลาแห่งชัยชนะ ความสำเร็จ รวมถึงบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่วงการกีฬาจะถูกบันทึกไว้ที่ ‘หอเกียรติยศ’ (Hall of Fame) ซึ่งจะรวบรวมเรื่องราวของวีรบุรุษนักกีฬาของไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
- www.olympic.org และเฟซบุ๊กแฟนเพจ The Olympic Museum - Le Musée Olympique